วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้อมูลองค์กร 7-11

เซเว่น อีเลฟเว่น (7-eleven)  เป็นแฟรนไชส์ของร้านสะดวกซื้อ จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดที่มีสาขาทั่วโลกมากที่สุด ชื่อและระบบแฟรนไชส์ "7-eleven" นี้เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา

             เซเว่น อีเลฟเว่น ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2470 เริ่มต้นกิจการผลิต และจัดจำหน่ายน้ำแข็งที่เมือง ดัลลัส มลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกัน ทางบริษัทฯ ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มาจำหน่ายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Tote'm Store ต่อมาในปี พ.ศ.2489 ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น เซเว่นอีเลฟเว่น ( 7-Eleven) เพื่อรองรับการขยายกิจการนี้ ซึ่งในระยะแรกเปิดให้บริการ ตั้งแต่ เวลา 07.00-23.00 น. ของทุกวัน อันเป็นที่มาของชื่อ เซเว่น อีเลฟเว่น นั่นเอง

            ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 บริษัทเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน และได้รับความช่วยเหลือ จาก อิโต-โยคะ ซึ่งเป็นผู้ซื้ิอแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุด บริษัทญี่ปุ่นมีอำนาจควบคุมบริษัทในปี พ.ศ. 2534 ในปี พ.ศ. 2548 อิโต-โยคะ ได้ก่อตั้งบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ และเซเว่นอีเลฟเว่น ก็กลายเป็นบริษัทลูกของ เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ เป็นต้นมา

            คอนเซ็ปต์การจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของเซเว่นอีเลฟเว่น ได้แนวทางมาจาก เซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่า ญี่ปุ่นล้ำหน้าในเรื่องของเทคโนโลยี และมีการนำไปใช้ได้ผลดีในหลายๆเรื่อง แต่จะเลือกในสิ่งที่เขาทำ สำเร็จแล้วเอามาประยุกต์ใช้อีกครั้งหนึ่ง

            โมเดลของการบริหารไอทีของเซเว่นอีเลฟเว่นไทย ได้ถูกจัดวางไปตามกิจกรรมหลักในการทำธุรกิจในแต่ละวัน ซึ่งจะเกี่ยวพันกับหน่วยงาน 4 ส่วนหลัก คือ ร้านค้า สำนักงานใหญ่ศูนย์จัดส่งสินค้า และผู้ผลิตสินค้า(Suppliers)

            ร้านค้าปลีกเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหมด จะเป็นแหล่งข้อมูลดิบที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยตรง หน้าที่ของร้านค้าเหล่านี้นอกจากให้บริการลูกค้าให้รวดเร็วทันใจแล้ว จะต้องบริหารสินค้าให้ตรงใจผู้บริโภค และต้องจัดวางสินค้าในจำนวนที่เหมาะสมเท่าที่ต้องการขายใน จำนวน 200 รายการที่สำนักงานกำหนดมาให้ แต่ความซับซ้อนของความต้องการ ใช้ไอทีไม่ได้มีมากไปกว่าการมีเพียง อุปกรณ์ 2ชิ้น คือ เครื่องบันทึกเงินสด และพีซีอย่างละเครื่องเท่านั้น

            ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกแห่งจะมีเครื่องบันทึกเงินสด ( Electronic Cash Register หรือ ECR ) อุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีล้ำยุคอะไร แต่หน้าที่ของมันคือ นอกจากคำนวณเงินที่ขายสินค้าได้ เครื่องนี้ยังเป็นแหล่งข้อมูลดิบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรง เพราะทันทีที่สินค้าถูกขายออกไป ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวสินค้าที่ขายได้ทุกชิ้น ประเภท ยี่ห้อ ราคา จำนวน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังเครื่องพีซี ที่ตั้งอยู่หลังร้าน

            เครื่องพีซีจะทำหน้าที่จัดการข้อมูลภายในร้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารเงิน บริหารสินค้า ในทุกๆเย็น ข้อมูลเหล่านี้จะส่งผ่าน (On-line) โทรศัพท์และโมเด็ม(Modem) ไปยังคอมพิวเตอร์ที่สำนักงานใหญ่ ในแต่ละวันข้อมูลนับล้านๆคำสั่งเหล่านี้จะถูกส่งผ่านจากเครื่องพีซีจากร้าน ของเซเว่นอีเลฟเว่นทั้ง 1,300 สาขา วิ่งสายโทรศัพท์ผ่านโมเด็มมายังสำนักงานใหญ่ เพื่อทำหน้าที่ประมวลผมข้อมูลเหล่านี้

           การบริหารงานของเซเว่นอีเลฟเว่น จะเป็นลักษณะรวมศูนย์ เมื่อสำนักงานใหญ่ได้รับข้อมูลขายจากร้านค้าทั้งหมดมาแล้ว ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับมินิคอมพิวเตอร์รุ่น AS/400 และระบบยูนิกซ์ (UNIX) อีกสิบกว่าตัวในแต่ละวัน สมองกลเหล่านี้จะต้องทำหน้าที่ประมวลผล (Processing) ข้อมูลนับล้านใบคำสั่งซื้อทันที ฝ่ายจัดซื้อจะนำข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าที่ถูกประมวลผลแล้ว ส่งผ่านสาย โทรศัพท์และโมเด็ม ไปยังศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ (Distribution Center) ที่ตั้งอยู่แถวบางบัวทอง ซึ่งเป็นคลังสินค้าใหญ่ ที่จะป้อนให้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ทั่วประเทศและจะมีคลังสินค้าย่อยอีกแห่ง ที่เป็นที่เก็บสินค้าประเภท เหล้า หนังสือ

            เมื่อศูนย์กระจายสินค้าได้รับคำสั่งซื้อ จะนำข้อมูลไปวางแผนจัดส่งสินค้า ซึ่งใช้ระบบยูนิกซ์ในการบริหารข้อมูลเหล่านี้ เพื่อจัดเตรียมสินค้าไปส่งที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ทั่วประเทศให้ทันเวลา หากที่อยู่ใกล้ๆจะได้รับสินค้าภายในวันเดียวกับที่สั่งซื้อสินค้า แต่หากเป็นร้านจากต่างจังหวัดไกลๆออกก็จะได้รับของในวันรุ่งขึ้น คำสั่งซื้อบางส่วนที่จะถูกส่งไปยัง ผู้ผลิตโดยตรงซึ่งจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ๆ เช่น ยูนิลีเวอร์ ,พรอคเตอร์ แอนด์แกรมเบิล จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งผู้ผลิตเหล่านี้มีระบบ อีดีไอ (Electronic Data Interchange : EDI ) ใช้งานอยู่แล้ว คำสั่งซื้อของเซเว่นอีเลฟเว่นจึงอยู่ในรูปแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Order) ซึ่งมนตรีบอกว่า จากกระดาษใบสั่งซื้อที่เคยต้องใช้เป็นตั้งๆ เปลี่ยนไปใช้อีดีไอ ทำให้ลดต้นทุนไปได้เยอะมาก แต่อีดีไอยังใช้ไม่หมด เหมาะสำหรับการสั่งออเดอร์มากๆเท่านั้น จึงจะคุ้ม

           ข้อมูลการขายที่ได้รับมาแต่ละวัน ยังต้องถูกนำประมวลผลเพื่อไปใช้ประโยชน์การบริหารร้านค้าปลีกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดนโยบาย การวางแผน การตลาด การบริหารคลังสินค้า ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจทั้งสิ้น

           การออกแบบซอฟต์แวร์ บนเครื่อง พีซีที่นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก โปรแกรมเมอร์จะพึ่งพาไมโครซอฟต์เป็นเครื่องมือ (TOOL) ในการเขียนโปรแกรมใหม่ๆ เพื่อรองรับการขายสินค้าใหม่ๆ การทำตลาด หรือโปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อติดตามกิจกรรมใหม่ๆซึ่งจะถูกนำใส่ (Download) เครื่องพีซีของร้าน สาขาัทั้งหมด 1,300 แห่งเฉลี่ยเครื่องละ 1ครั้งเป็นอย่างต่ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น